กางเกง ยีน JEANS
ถ้าจะให้นึกถึงแฟชั่นที่ไม่มีวันตายแล้วล่ะก็ ‘ยีนส์’ คงเป็นอันดับแรก ๆ ที่เรานึกถึง ยีนส์เป็นไอเท่มที่ถือว่าสำคัญมาก ๆ ในโลกแฟชั่น (สำคัญขนาดที่ทุกคนมี) แม้มันจะมีมาเป็น 100 ปี เราก็ยังคงใส่กันอยู่เรื่อยมาทุกยุค ทุกสมัย ถึงจะใส่จนสีตก หรือขาดลุ่ยขนาดไหนก็ยังคงหยิบมาใส่ได้ตลอด เป็นไอเท่มคลาสสิกที่ไม่มีวันตายของจริง เผลอ ๆ เจ้าของอาจจะตายก่อนยีนส์ซะด้วยซ้ำ เพราะกางเกงยีนส์สามารถสวมใส่กับเสื้อยืด เสื้อ โปโล เสื้อ cotton 100 ใส่กับอะไรก็ได้ ทุกเพศทุกวัย ทุกโอกาส
JEANS หรือที่เรา ๆ เรียกมันว่า ‘ยีนส์’ เป็นชื่อเรียกของกางเกงชนิดหนึ่งที่ทำจากผ้าเดนิม DENIM (เด – นิม) คือ ชื่อของผ้าคอตตอนเนื้อหยาบทอเส้นเฉียง (TWILL) เพื่อให้แข็งแรงทนทาน เมื่อก่อนทำจากผ้าวูล ชื่อว่า SERGE มีต้นกำเนิดจากเมือง NIMES ในฝรั่งเศสตอนใต้ เรียกว่า SERGE DE MIMES ภายหลังเรียกสั้น ๆ ว่า DENIM
1800’ S
เริ่มมาจากเป็นกางเกงสำหรับคนงานเหมือนทองในอเมริกาใส่ ด้วยวัสดุที่แข็งแรงทนทาน เหนียว ไม่ขาดหรือพัง ง่าย ระยะเวลาการใช้งานยาวนานกว่าวัสดุอื่น ๆ และมักจะถูกย้อมให้เป็นสีน้ำเงินเข้ม ด้วยอินดีโก้ที่ได้มาจากพืช แถบอินเดีย LOEB STRAUSS ชาวอเมริกันเชื้อสายเยอรมันได้เริ่มธุรกิจขายส่งนี้ในปี 1853 ตอนหลัง LOEB ได้เปลี่ยนชื่อเป็น LEVI เพื่อให้จำง่ายขึ้นและได้กลายเป็นแบรนด์ LEVI STRAUSS ที่โด่งดัง ต่อมาในปี 1872 JACOB DAVIS ได้คิดค้นการใช้หมุดโลหะยึดกับกางเกงตามมุมต่าง ๆ ที่ขาดง่าย เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับกางเกงยิ่งขึ้น แต่เขาไม่มีเงินจดสิทธิบัตรจึงมาร่วมกับกับ LEVI โดยใช้หมุดเป็นทองแดง จากนั้นในปี 1886 LEVI ก็ได้ใช้โลโก้ กางเกงเป็นม้าสองตัว ดึงกางเกงอยู่เพื่อแสดงถึงความแข็งแรง และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของยีนส์ที่เราใส่ ๆ กัน
1930’ S
ยุคที่ฮอลลีวูดมีหนังคาวบอยตะวันตกเยอะมาก ๆ และคาวบอยทั้งหลายก็ใส่ยีนส์เสื้อยืด ในหนังด้วย ทำให้ยีนส์ยิ่งดังขึ้นไปอีก กลายเป็นเสื้อผ้าใส่ในชีวิตประจำวัน มากกว่าเป็นแค่เสื้อผ้าใส่ทำงานของชนชั้นแรงงาน
1940’ S
ผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้ยีนส์ผลิตน้อยลง แต่ก็ยังได้รับความนิยมในหมู่ทหารในวันที่ไม่ได้ ปฏิบัติภารกิจ พอหมดสงครามโลก WRANGLER กับ LEE ก็เริ่มเข้ามาแข่งขันในตลาดยีนส์
1950’ S
ยีนส์นิยมมากในหมู่วัยรุ่น เป็นสัญลักษณ์แห่งการกบฏ (เหมือนอย่างที่ JAMES DEAN ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ ออกรายการโทรทัศน์) บางโรงเรียนถึงขั้นห้ามนักเรียนใส่ยีนส์เลยทีเดียว
1960’ S และ 1970’ S
ยีนส์เริ่มแตกต่างและหลากหลายมากขึ้น เป็นจุดเริ่มของขาบานยุค 70’S ที่เรารู้จักดี มีการปักลายหรือเพ้นท์ลาย กราฟิกสีสันเพื่อให้แมทช์กับแฟชั่นยุคนั้น
1980’ S
ยีนส์กลายเป็นไฮแฟชั่น ดีไซเนอร์ดังอย่าง GUCCI ก็ทำยีนส์ออกมาขาย เป็นไอเท่มแฟชั่นที่ทุกคนต้องมี ยุคนั้นยังมีสไตล์ต่าง ๆ เกิดขึ้นอีกมากมาย อย่างยีนส์ฟอกซีด สกินนี่ ซุปเปอร์สกินนี่ ไปจนถึงแจ็คเก็ตยีนส์ที่ฮิตมาก
1990’ S ถึงปัจจุบัน
ในช่วงยุค 90’S ความนิยมของยีนส์ในหมู่วัยรุ่นเริ่มเฟดลงบ้าง เนื่องจากไม่มีใครอยากใส่ยีนส์เหมือนที่พ่อแม่ตัวเองใส่มาตลอด แต่หลังจากนั้นก็กลับมาได้รับความนิยมอีกจนได้ ทุกวันนี้ยีนส์มีหลากหลายแบบมากทั้งสกินนี่ ซุปเปอร์สกินนี่ ขาสั้น ขากว้าง ขาม้า บอยเฟรนด์ เอวต่ำ เอวสูง ขอแค่เลือกให้เหมาะกับรูปร่างเท่านั้น ก็พอส่วนจะใส่เดนิมกับเดนิม หรือจะเอาไปใส่กับอะไรนั้นก็แล้วแต่สไตล์ของแต่ละคนเลย เพราะสำหรับยีนส์ มันไม่มีข้อจำกัดอยู่แล้ว
วันที่: Tue Apr 29 22:24:36 ICT 2025
|
|
|